Turkey 8 วัน 5 คืน

Our Best Group tour


Tour code

GT220804134728

Duration

8 days 5 nights

Star hotel

Meal

16 Meal

Location

Istanbul

Travel by

Turkish Airlines

Description

ตุรกี

ตรุกี บินตรง+บินภายใน เยือนดินแดนในฝัน เมืองมรดกโลก ชมตำนานม้าไม้เมืองทรอย
Trip summary
Day Highlight Meal Hotel
* หรือเทียบเท่า
B L D
1

สนามบินสุวรรณภูมิ

2

สนามบินสุวรรณภูมิ – สนามบินอิสตันบูล – เมืองอิสตันบูล – พระราชวังโดลมาบาห์เช – ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส – ฮิปโปโดรม – สุเหร่าสีน้ำเงิน – เซนต์โซเฟีย – สไปซ์บาซาร์– เตอร์กิช ดีไลท์– หอคอยกาลาตา – ทักษิมสแควร์

Pullman Hotel

3

เมืองเอซีบัต – นั่งเรือข้ามฟากช่องแคบคาร์คาเนลส์ – เมืองชานัคคาเล – ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล – อุทยานแห่งชาติทรอย – ม้าไม้จำลองเมืองทรอย

Troia Tusan Hotel

4

นั่งกระเช้าสู่เมืองโบราณเปอร์กามัน – วิหารอะโครโปลิส – วิหารโอลิมเปียนเซอุส – โรงละครอะโครโปลิส – เมืองคูซาดาซึ– โรงงานผลิตเครื่องหนัง – เมืองเอฟฟิซุส – ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ – หอสมุดเซลซุส – บ้านพระแม่มารี

Ramada Hotel

5

เมืองปามุคคาเล – ปราสาทปุยฝ้าย – เมืองโบราณเฮียราโพลิส

Colossae Hotel

6

เมืองคัปปาโดเกีย – ที่พักคาราวานเซราย – เมืองเกอเรเม – เมืองใต้ดิน – ชมโชว์ระบำ Belly Dance

Kalsedon Boutique Cave

7

ชมบอลลูนหลากสี – พิพิธภัณฑ์เกอเรเม – หุบเขาพาซาแบค – หุบเขานกพิราบ – หุบเขาอุซิซาร์– โรงงานทอพรม – โรงงานเซรามิก – โรงงานเครื่องประดับ – สนามบินไกเซรี – สนามบินอิสตันบูล

8

สนามบินอิสตันบูล – สนามบินสุวรรณภูมิ

Itinerary

เย็น/ค่ำ
20.00 นัดหมายพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 อาคารผู้โดยสารขาออก เคาน์เตอร์สายการบิน Turkish Airlines (TK) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกพร้อมแนะนำข้อมูลในการเดินทางให้แก่ท่าน
 
23.30 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกีโดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK069 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบน เครื่อง) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9 ชั่วโมง 50 นาที

เช้า
06.10 เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกีหลังจากนั้นนำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง รับสัมภาระ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง)
 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอิสตันบูล (Istanbul) เป็นเมืองที่มีความสำคัญที่สุดของประเทศตุรกี มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายศตวรรษตั้งแต่ก่อน คริสตกาล มีทำเลที่ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบบอสฟอรัส ซึ่งทำให้อิสตันบูลเป็นเมืองสำคัญเพียงเมืองเดียวในโลก ที่ตั้งอยู่ใน 2 ทวีป คือ ทวีปยุโรป (ฝั่ง Thrace ของบอสฟอรัส) และทวีปเอเชีย (ฝั่งอนาโตเลีย) สถาปัตยกรรมอันงดงาม ผสมผสานทั้ง 2 ทวีป ทำให้เมืองอิสตันบูลมีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์พิเศษ อีก ทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งอิสตันบูล ฝั่งทวีปยุโรป ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น มรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ค. 1986
 
นำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาห์เช (Dolmabahce Palace) สร้างโดย สุลต่านดับดุล เมซิด (Abdul Macit) ในปี ค.ศ. 1843 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1856 สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง ด้วยศิลปะแบบตะวันออกผสมผสานกับตะวันตก ตัว อาคารยาวถึง 600 เมตร ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลมาร์มาราบริเวณช่องแคบบอสฟอรัส บนฝั่งทวีปยุโรป บริเวณรอบนอกประดับประดาด้วยสวนสวยริมทะเล หอนาฬิกา น้ำพุอุทยานดอกไม้ สระน้ำ รูปปั้น รูปสลักต่างๆ วางประดับไว้อย่างลงตัวน่าชื่นชม ในรสนิยมของสุลต่านแห่งออตโตมันเป็นอย่างยิ่ง
 
จากนั้นนำท่าน ล่องเรือชมความสวยงามของช่องแคบบอสฟอรัส (Bosphorus Cruise) ซึ่งเป็นช่องแคบที่เชื่อมทะเลดำ (The Black Sea) กับ ทะเลมาร์มารา (Sea of Marmara) โดยมีความยาวประมาณ 32 กิโลเมตรความกว้าง เริ่มตั้งแต่ 500 เมตร จนถึง 3 กิโลเมตร ช่องแคบนี้ถือว่าเป็น จุดบรรจบกันของสุดขอบทวีปยุโรปและสุดขอบทวีปเอเชีย ซึ่งนอกจากความสวยงามแล้วช่องแคบบอสฟอรัสยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการ ป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย ขณะล่องเรือท่านจะได้เพลิดเพลินกับทัศนีย์ภาพอันสวยงามของริมฝั่งช่องแคบแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังโดลมา บาห์เชหรือบ้านเรือสไตล์ยุโรปของบรรดาเศรษฐีแห่งประเทศตุรกีทั้งระหว่างล่องเรือ
เที่ยง/บ่าย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร พิเศษ ปลาแมคเคอเรลย่างและ MIX SEAFOOD
 
นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกับ ฮิปโปโดรม (Hippodrome) คือสิ่งก่อสร้างจากสมัยกรีกซึ่งใช้เป็นสนามแข่งม้า และการแข่งขันขับรถศึก (Chariot Racing) โดยคำว่า ฮิปโปส และ โดรโมส ปัจจุบันถูกนำไปใช้ในภาษาฝรั่งเศสด้วย หมายถึงการแข่งขันม้าใจกลางเมืองมอสโคว์ (Central Moscow Hippodrome) น่าเสียดายที่เหลือแต่ซากปรักหักพังของฮิปโปโดรมของกรุงคอนสแตนดิโนเบิลในอดีต หรือ อิสตันบูลในปัจจุบัน แม้จะ ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ในสมัยโบราณสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 203 – 330 แต่ปัจจุบันเหลือเพียง เสา 3 ต้น คือ เสาคอนสแตนตินที่ 7 (Column of Constantine VII) สร้างเมื่อไหร่ไม่มีใครทราบ แต่บูรณะเมื่อศตวรรษที่ 10 เสาต้นที่ 2 คือ เสางู ที่เชื่อว่าสร้างก่อนคริสตกาลมา 479 ปี เป็นรูปสลัก งู 3 ตัวพันกัน จากเมืองเดลฟิ (Delphi) แล้วถูกขนย้ายมาตั้งที่นี่เมื่อ ศตวรรษที่ 4 ปัจจุบันเหลือเพียงครึ่งต้น และเสาต้นสุดท้ายคือ เสา อียิปต์ หรือ เสาโอเบลิสก์ (Obelisk of Thutmose) สร้างในช่วงก่อนคริสตกาลประมาณ 390 ปี มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกคือ Obeliskos หมายถึง เหล็ก แหลม เข็ม หรือ เสาปลายแหลม ลักษณะของเสาโอเบลิสก์จะเป็นเสาสูง สร้างจากหินแกรนิตขนาดใหญ่เพียงก้อนเดียว ฐานของเสาจะกว้างและ ค่อยๆ เรียวแหลมขึ้นสู่ยอดด้านบนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมสี่ด้าน ยอดบนสุดจะเป็นลักษณะเหมือนพีรามิด และมักนิยมหุ้มหรือเคลือบด้วยโลหะ เช่น ทองคำ เหล็ก หรือ ทองแดง เป็นต้น เสาโอเบลิสก์
 
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าชม สุเหร่าสีน้ำเงิน (Blue Mosque) หรือ ชื่อเดิม สุเหร่าสุลต่านอาห์เหม็ดที่ 1 (Sultan Ahmed Mosque) การเข้า ชมสุเหร่าทุกแห่งจะต้องถอดรอดเท้า ถอดหมวก ถอดแว่นตาดำ เป็นการเคารพสถานที่ สามารถถ่ายภาพด้านในได้ ห้ามส่งเสียงดังและกรุณาทำ กิริยาให้สำรวม สุเหร่านี้สร้างในปี ค.ศ. 1609 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ. 1616 (1 ปีก่อนสุลต่านอาห์เหม็ดสิ้นพระชนม์ด้วยอายุเพียง 27 พรรษา) มีหอ เรียกสวด อยู่ 6 หอ เป็นหอคอยสูงให้ผู้นำศาสนาขึ้นไปตะโกนร้องเรียกจากยอด เพื่อให้ผู้คนเข้ามาสวดมนต์ตามเวลาในสุเหร่า ชื่อสุเหร่าสีน้ำเงิน ภายในประดับด้วยกระเบื้องสีฟ้าจากอซนิค ลวดลายเป็นดอกไม้ต่างๆ เช่น กุหลาบ ทิวลิป คาร์เนชั่น เป็นต้น ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ภายใน มีที่ให้สุลต่านและนางในฮาเร็มทำละหมาดและสวดมนต์โดยเฉพาะ มีหน้าต่าง 260 บาน สนามด้านหน้าและด้านนอกจะเป็นที่ฝังศพของกษัตริย์ และพระราชวงค์ จะมีสิ่งก่อสร้างที่อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทั่วไป เช่น ห้องสมุด โรงพยาบาล โรงอาบน้ำ ที่พักกองคาราวาน โรงครัว สาธารณะคุลีเรีย (Kulliye)
 
หมายเหตุ : โปรดแต่งกายด้วยชุดสุภาพ สำหรับการเข้าชมสุเหร่าและจำเป็นต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม สุภาพสตรี : ควรสวมกางเกงขายาวคลุมข้อเท้า เสื้อแขนยาวคลุมข้อมือ มิดชิดไม่รัดรูป และเตรียมผ้าสำหรับคลุมศีรษะ สุภาพบุรุษ : ควรสวมกางเกงขายาว และเสื้อแขนยาวไม่รัดรูป
 
จากนั้นนำท่านเข้าชม วิหารเซนต์โซเฟีย (St.Sophia) หรือ สุเหร่าฮาเกีย โซเฟีย (Hagia Sophia) 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุค กลางเป็นโบสถ์คาทอลิก สร้างในสมัยพระเจ้าจัสติเนียน มีหลังคาเป็นยอดกลมแบบโม เสาในโบสถ์เป็นหินก้อน ภายในติดกระจกสี เมื่อเติร์กเข้า ครอบครองเมือง ได้เปลี่ยนโบสถ์นี้ให้เป็นสุเหร่าในปี ค.ศ. 1453 ฉาบปูนทับกำแพงที่ปูด้วยโมเสกเป็นรูปพระเยซูคริสต์และสาวก ภายหลังทางการ ได้ตกลงให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่วันนี้คงบรรยากาศของความเก่าขลังอยู่เต็มเปี่ยม โดยเฉพาะโดมที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกซึ่ง มีพื้นที่โล่งภายในใหญ่ที่สุด ก่อสร้างด้วยการใช้ผนังเป็นตัวรับน้ำหนักของอาคารลงสู่พื้นแทนการใช้เสาค้ำยันทั่วไป นับเป็นเทคนิคการก่อสร้าง ที่ถือ ว่าล้ำหน้ามากในยุคนั้น (ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิหารฮาเกีย โซเฟีย ได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง MUSH220848
 
นำท่านเดินทางสู่ สไปซ์บาซาร์ (Spice Bazaar) หรือ ตลาดอียิปต์ (Egyptian Bazaar) เป็นตลาดเครื่องเทศตั้งอยู่ใกล้กับสะพานกาลาตา ที่นี่ถือ เป็นตลาดในร่มและเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสองในเมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1660 โดยเป็นส่วนหนึ่งของมัสยิดใหม่ ภายในตลาด ยังมีสินค้ามากมายให้ได้เลือกซื้อ อาทิ อาหาร, เครื่องเทศ, ขนมหวานของตุรกี, เครื่องเพชรพลอย, ของที่ระลึก, ผลไม้แห้ง และเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วย
 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ร้านเตอร์กิช ดีไลท์ (Turkish Delight Shop) คือขนมหวานขึ้นชื่อของประเทศตุรกี ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกกันว่าโล คุม (Lokum) เป็นขนมหวานทรงลูกเต๋าที่ประกอบขึ้นจากแป้งและน้ำตาล มักจะมีอัลมอนด์วอลนัท ถั่วพิสตาชิโอ และแมคคาเดเมียผสมเข้าไป ด้วย โดยส่วนมากหน้าตาจะมีสีชมพูเข้ม แต่ก็ดูจางลงไปทันทีเมื่อเสิร์ฟกับน้ำตาลไอซิ่งที่คลุกเคล้า ประหนึ่งแป้งฝุ่น มีรสหวาน สอดแทรกด้วยความกรอบและมันของถั่วคุณภาพดี ชาวตุรกี นิยมทานคู่กับชาร้อน หรือ ชากลิ่นแอปเปิล
 
จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ หอคอยกาลาตา (Galata Tower) หอคอยหินสไตล์ โรมัน แบบสถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ตัวตึกประกอบด้วย 9 ชั้น มีรูปทรงกระบอก และมีหลังคาเป็นทรงกรวย อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมืองอิสตันบูล สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1348 เพื่อไว้เป็นหอสังเกตการณ์ป้องกันข้าศึกจากทางทะเลปัจจุบันชั้นบนเปิดให้ นักท่องเที่ยวขึ้นชมทัศนียภาพของเมือง
 
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ จตุรัสทักซิมสแควร์ (Taksim Square) ถนนสายนี้ เรียกได้ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของเมืองอิสตันบูล มีร้านค้ามากมาย ตั้งแต่ของที่ระลึก, ร้านอาหารพื้นเมือง และยังมีแทรมป์โบราณ (Tram) เรียกได้ว่าที่แห่งนี้เป็นจุดนัดพบยอดนิยม ของชาวเมืองอิสตันบูล
เย็น/ค่ำ
ค่ำ อิสระอาหารค่ำ เพื่อความสะดวกในการท่องเที่ยว

เช้า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 
นำท่านสู่ เมืองอีซีบัต (Eceabat) เพื่อ นั่งเรือข้ามฟากข้ามช่องแคบคาร์คาเนลส์ (Dardanellies Car Ferries) สู่เมืองชานัคคาเล
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล (Canakkale) ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เดิมมีชื่อว่า โบกาซี่ (Bogazi) หรือ เฮลเลสปอนด์ (Hellespont) มีความยาว 65 กิโลเมตร ส่วนที่แคบที่สุดกว้าง 1.3 กิโลเมตรเนื่องจากตั้งอยู่บนจุดแคบที่สุดของช่องแคบดาร์ ดะเนลส์ ใกล้กับ แหลมเกลิโบลูของกรีซ บนฝั่งของ 2 ทะเลคือ ทะเลมาร์มารา และ ทะเลอีเจียนซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลมาร์มาราตัดกับทะเลอีเจียน เป็น ที่ตั้งของเมืองทรอย 
 
นำท่านชมและถ่ายภาพ ม้าไม้จำลองเมืองทรอยริมทะเล (Trojan Statue/Hollywood Horse) เป็นม้าไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดจากมหา กาพย์ภาพยนตร์ฮอลิวูดเรื่อง ทรอย (Troy) ในปี 2004 มีแบรด พิตต์ แสดงชื่อดังระดับโลกเป็นนักแสดงนำ ทางทีมงานได้จำลองม้าไม้ขนาดใหญ่สี ดำ เพื่อใช้ดำเนินเรื่องและเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของเรื่องทรอย หลังจากนั้นทางทีมงานจึงมอบม้าไม้จำลองตัวนี้ให้กับทางการตุรกี เพื่อเป็นเกียรติ และสร้างชื่อเสียงให้กับเมืองชานัคคาเลอีกด้วย
 
 
เที่ยง/บ่าย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
 
หลังจากนั้นนำท่านสู่ อุทยานแห่งชาติทรอย (Troy National Park) เป็น โบราณสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งชองโลกที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 5,000 ปี ภายในอุทยานนำท่านชม ม้าไม้โทรจันหรือม้าไม้จำลองเมืองทรอย (Trojan Horse) เป็นม้าไม้ที่สร้างจำลองจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ ที่ชาว กรีกใช้อุบายส่งม้าไม้ให้เมืองทรอยเพื่อเป็นของกำนัล แต่ความจริงแอบบรรจุคน มาในม้าไม้เพื่อเข้ามาเปิดประตูเมืองทรอย ให้ทหารเข้ามาตีตัวเมืองจนทำให้เมือง ทรอยล้มสลาย ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์อันชาญฉลาดด้านกลการศึกของนักรบ โบราณ
เย็น/ค่ำ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

เช้า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 
นำท่าน นั่งกระเช้าไฟฟ้าขึ้นชมความสวยงามของเมืองโบราณเปอร์กามัน (Cable Car to Pergamon) ตั้งตระหง่านอยู่เหนือตัวเมืองชานัค คาเล กว่า 1,000 ฟุต ในบริเวณอะนาโตเลียห่างจากทะเลอีเจียนประมาณ 30 ก.ม. ทางด้านเหนือของแม่น้ำไคซูส ซึ่งเป็นเมืองโบราณของกรีกที่มี ความสำคัญของพวกเฮเลนนิสติก ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2014 ซึ่งมีสถานที่ สำคัญแต่โบราณกาล คือ วิหารอะโครโปลิส (Acropolis) ซึ่งเป็นที่ขนานนามถึงประหนึ่งดังดินแดนแห่งเทพนิยายในสรวงสวรรค์ บริเวณเดียวกัน คือ วิหารโอลิมเปียน เซอุส (Naos tou Olimpiou Dios – Olympieion) ปัจจุบันนี้เหลือแต่ส่วนฐานเท่านั้น แท่นบูชาถูกนำไปเก็บรักษาไว้ใน พิพิธภัณฑ์เปอร์กามัมที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ชม โรงละครอะโครโปลิส (Theater of Acropolis) เป็นโรงละครที่ชันที่สุดในโลกตั้งอยู่ ในทำเลที่สวยงามที่สุด จุผู้ชมได้มากถึง 10,000 คน อะโครโปลิสแปลว่า นครบนที่สูง ซึ่งเป็นโครงสร้างฐานในการป้องกันเมืองของอาณาจักรกรีก และโรมัน ซึ่งผู้ตั้งถิ่นฐานในสมัยนั้นมักเลือกที่สูง มักเป็นเนินเขาที่ด้านหนึ่งเป็นผาชัน และกลายเป็นศูนย์กลางของมหานครใหญ่ ที่เติบโตรุ่งเรืองอยู่ บนที่ราบเบื้องล่างที่รายล้อมป้อมปราการเหล่านี
เที่ยง/บ่าย
นำท่านเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซี (Kusadasi) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 50 นาที) เมืองท่าเลียบชายฝั่งทะเลของประเทศตุรกี ในอดีต เมืองนี้เป็นเหมือนท่าเรือขนส่งสินค้า เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงส่งออกทั่วโลก
 
นำท่านเดินทางสู่ โรงงานผลิตเครื่อง หนัง (Leather Factory) ซึ่งประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีฐานการผลิตเครื่องหนังคุณภาพสูงที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทั้งยังผลิตเสื้อหนังให้กับ แบรนด์ดังในอิตาลี อาทิ Versace, Prada, Michael Kors อีกด้วย อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์จากเครื่องหนัง และ สินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย
 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เป็นเมืองกรีกโบราณที่ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของอานาโตเลียในจังหวัดอิซเมียร์ในประเทศตุรกี ปัจจุบัน จากนั้นนำท่านเข้าชม เมืองเอฟฟิซุส (Ephesus) เมืองโบราณที่มีการบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีเมืองหนึ่ง เคยเป็นที่อยู่ของชาวโยนก (Lonia) จากกรีกซึ่งอพยพเข้ามาปักหลักสร้างเมืองซึ่งรุ่งเรืองขึ้นในศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์กาล ต่อมาถูกรุกรานเข้ายึดครองโดยพวกเปอร์เซียและ กษัตริย์อเล็กซานเดอร์มหาราช ภายหลังเมื่อโรมันเข้าครอบครองก็ได้สถาปนาเอฟฟิซุสขึ้นเป็นเมืองหลวงต่างจังหวัดของโรมัน
 
นำท่านเดินบนถนน หินผ่านใจกลางเมืองเก่าที่สองข้างทางเต็มไปด้วยซากสิ่งก่อสร้างเมื่อสมัย 2,000 ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงละครกลางแจ้งที่สามารถผู้ชมได้กว่า 30,000 คน ซึ่งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน เข้าชม ห้องอาบน้ำโรมันโบราณ (Roman Bath) ที่ยังคงเหลือร่องรอยรของห้องน้ำ ห้องอบไอน้ำ ให้ เห็นอยู่จนถึงทุกวันนี้
 
นำท่านถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กับ หอสมุดเซลซุส (Library of Celsus) มีความสวยงามเป็นเลิศ สร้างโดยติเบริอุส จูลิอุส อาควิลา อุทิศให้กับบิดา ชื่อ ติเบริอุส จูลิอุส เซลซุส ในปี 657 – 660 และได้ฝังโลงศพของบิดาที่ทำจากหินเอาไว้ใต้หอสมุดแห่งนี้ ได้รับการขึ้น ทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2015
 
จากนั้นนำท่านเข้าชม บ้านพระแม่มารี (House of Virgin Mary) ชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และ สิ้นพระชนม์ในบ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนภูเขาสูงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ คริสต์ศาสนิกชนจะต้องหาโอกาสขึ้นไปนมัสการให้ได้สักครั้งใน ชีวิต
เย็น/ค่ำ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

เช้า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล (Pamukkale) เมืองที่มีน้ำพุเกลือแร่ร้อนไหลทะลุขึ้นมาจากใต้ดินผ่านซากปรักหักพังของเมืองเก่าแก่สมัยกรีก ก่อนไหลลงสู่หน้าผา จนเกิดผลึกกึ่งสถาปัตยกรรมสีขาวขึ้น
เที่ยง/บ่าย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น MUSH220848
 
นำท่านเข้าชม ปราสาทปุยฝ้าย (Cotton Castle) ผลจากการไหลของน้ำพุ เกลือแร่ร้อนนี้ได้ก่อให้เกิดทัศนียภาพของน้ำตกสีขาวเป็นชั้นๆ หลายชั้น และ ผลจากการแข็งตัวของแคลเซียมทำให้เกิดเป็นแก่งหินสีขาวราวหิมะขวางทาง น้ำเป็นทางยาว ซึ่งมีความงดงามมาก ภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังเป็น เมือง โบราณเฮียราโพลิส (Hierapolis) เป็นเมืองโรมันโบราณที่สร้างล้อมรอบ บริเวณที่เป็นน้ำพุเกลือแร่ร้อน ซึ่งเชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการรักษาโรคเมื่อ เวลาผ่านไปภัยธรรมชาติได้ทำให้เมืองนี้เกิดการพังทลายลง เหลือเพียงซาก ปรักหักพังกระจายอยู่ทั่วไปบางส่วนยังพอมองออกว่าเดิมเคยเป็นอะไร อาทิ โรงละคร แอมฟิเธียร์เตอร์ขนาดใหญ่ วิหารอพอลโล สุสานโรมันโบราณ ได้รับ การขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1988
เย็น/ค่ำ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม

เช้า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายภาพ ที่พักคาราวานเซราย (Caravanserai) เป็นสถานที่พักแรกของกองคาราวานในสมัยโบราณตามเส้นทางสาย ไหมและชาวเติร์กสมัยออตโตมัน
เที่ยง/บ่าย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร พิเศษ เคบับต้นตำรับ
 
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย (Cappadocia) เป็นบริเวณที่อยู่ระหว่าง ทะเลดำกับภูเขาเทารุส มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล เพราะเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหม เส้นทางการค้าขายแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ที่ทอดยาวจากประเทศตุรกีไปจนถึงประเทศจีน เป็นพื้นที่พิเศษ ที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเมื่อประมาณ 3 ล้านปีมาแล้ว เกิดจากลาวาที่พ่นออกมา และเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายไปทั่วบริเวณทับถม เป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากกระแสน้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนกินแผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อยๆ นับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศ ประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งกรวยคว่ำปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยาย จนชน พื้นเมืองเรียกขานกันว่า “ดินแดนแห่งปล่องไฟนางฟ้า” (Fairy Chimney) คัปปาโดเกีย เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไตต์ (ชนเผ่ารุ่นแรกๆ ที่อาศัยอยู่ใน ดินแดนแถบนี้) แปลว่า “ดินแดนม้าพันธุ์ดี” และในปัจจุบันนี้ก็ยังเลี้ยงม้ากันอยู่บริเวณนี้ และมีเมืองใต้ดินโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ ซึ่ง ภายในเมืองใต้ดินมีครบทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอกสัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถง กว้าง ด้วยความอัศจรรย์ใต้พื้นดินแห่งนี้เมืองคัปปาโดเกีย จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 1985 ได้ขึ้นทะเบียนเมืองใต้ดินแห่งเมืองคัปปาโดเกียเป็นสถานที่มรดกโลกอีกด้วย 
 
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเกอเรเม (Goreme) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณของเมืองคัปปาโดเกียในตอนกลางของอานาโตเลียประเทศตุรกี เป็น ที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คนมาตั้งแต่สมัยโรมัน และเป็นสถานที่ที่ชาวคริสเตียนยุคแรกใช้ในการเป็นที่หลบหนีภัยจากการไล่ทำร้ายและสังหารก่อนที่คริสต์ ศาสนาจะเป็นของจักรวรรดิ ที่จะเห็นได้จากคริสต์ศาสนถานจำนวนมากมายที่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในด้านการทอพรม และการ ผลิตเครื่องเซรามิก ล้ำค่าที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก
 
นำท่านเข้าชม เมืองใต้ดิน (Underground City) เป็นสถานที่ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์ใช้หลบ ภัยชาวโรมัน ที่ต้องการทำลายร้างพวกนับถือศาสนาคริสต์ ภายในมีโซนห้องต่างๆ อาทิ ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหมักไวน์ ห้องประชุม คอก สัตว์ โบสถ์ บ่อน้ำ บางห้องเป็นห้องโถงกว้างว่ากันว่าสามารถจุคนได้มากกว่า 30,000 คน และระบบระบายอากาศที่ดี แต่อากาศค่อนข้างบางเบา เพราะอยู่ลึกและทางเดินบางช่วงอาจค่อนข้างแคบจนเดินสวนกันไม่ได้ ควรใช้ความระมัดระวังในการรับลงไปชมเมืองใต้ดินแห่งนี้
เย็น/ค่ำ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโรงแรม
นำท่านชมการแสดงพื้นเมือง โชว์ระบำหน้าท้อง (Belly Dance) เป็นการโชว์เต้นรำที่เก่าแก่อย่างหนึ่งของชาวตุรกี ซึ่งมีมาประมาณ 6,000 ปี ใน ดินแดนแถบอียิปต์และเมดิเตอร์เรเนียน นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าชนเผ่ายิปซีเร่ร่อนคือคนกลุ่มสำคัญที่ได้อนุรักษ์ระบำหน้าท้องนี้ไว้ให้มีมาจนถึง ปัจจุบัน การโชว์ระบำหน้าท้องนี้ได้มีมาอย่างแพร่หลายและมีการพัฒนาซึ่งเป็นศิลปะที่โดดเด่น สวยงาม จนกลายมาเป็นระบำหน้าท้องของ ประเทศตุรกีในปัจจุบัน

เช้า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
 
นำท่านเดินทางชม บอลลูนหลากสี (ไม่รวมค่าขึ้นบอลลูน) ไฮไลท์ของเมืองคัปปาโดเกียและจุดหมายของนักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลก ให้ท่านได้ อิสระถ่ายภาพและหากท่านใดสนใจขึ้นบอลลูน และกิจกรรมอื่นๆ รายละเอียดดังนี้ กิจกรรมเสริมพิเศษนี้ไม่รวมอยู่ในราคาทัวร์ (Optional Tour)
 
1. บอลลูนทัวร์ (Balloon Tour) สำหรับท่านที่สนใจขึ้นบอลลูนชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกีย โปรแกรมเสริมพิเศษ จำเป็นต้องออกจาก โรงแรมประมาณ 04.30 – 05.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับไปขึ้นบอลลูน เพื่อชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียในอีกมุมหนึ่งที่หาชมได้ยาก ใช้เวลาเดินทางจากโรงแรมไปขึ้นบอลลูน ประมาณ 30 – 45 นาที อยู่บนบอลลูนประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการขึ้นบอลลูน ท่านละ ประมาณ 250 – 300 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (USD) ขึ้นอยู่กับฤดูกาล โปรดทราบ ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรม พิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และเครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
 
2. รถจี๊ปทัวร์ (Jeep Tour) สำหรับท่านใดที่สนใจชมความสวยงามของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดิน โปรแกรมจำเป็นต้องออกจากโรงแรม ประมาณ 05.00 – 06.00 น. โดยมีรถท้องถิ่นมารับ เพื่อชมความสวยงามโดยรอบของเมืองคัปปาโดเกียบริเวณภาคพื้นดินในบริเวณที่รถเล็ก สามารถตะลุยไปได้ ใช้เวลาอยู่บนรถจี๊ป ประมาณ 1 ชั่วโมง ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการนั่งรถจี๊ปอยู่ที่ ท่านละ 100 – 150 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ  ขึ้นอยู่กับฤดูกาล
 
โปรดทราบ
ประกันอุบัติเหตุที่รวมอยู่ในโปรแกรมทัวร์ไม่ครอบคลุมกิจกรรมพิเศษ ไม่ครอบคลุมการขึ้นบอลลูน และ เครื่องร่อนทุกประเภท ดังนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของท่าน
คำแนะนำ
- เนื่องด้วยข้อกำหนดของเวลา ท่านจำเป็นต้องเลือกซื้อแพ็กเกจทัวร์เสริมอย่างใด อย่างหนึ่ง
- ท่านที่เมารถ กรุณาทานยาแก้เมารถล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งก่อนออกเดินทาง และควรแจ้งให้หัวหน้าทัวร์ทราบตั้งแต่ก่อนวันเดินทาง (ตั้งแต่อยู่ ประเทศไทย เพื่อเตรียมยาแก้เมารถจากประเทศไป)
- กิจกรรมนี้ ไม่อนุญาตให้ผู้ที่เป็นโรคหัวใจขั้นรุนแรง, ตั้งครรภ์ หรือ เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าร่วมโดยเด็ดขาด กรณีเกิดความเสียห ายไม่ว่ากรณีใดๆ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบทุกกรณี
- สำหรับท่านที่ไม่ร่วมในโปรแกรมเสริมพิเศษ ท่านจำเป็นต้องพักผ่อนรอคณะอยู่ที่โรงแรมที่พัก
 
จากนั้นนำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม (Open Air Museum of Goreme) ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ สหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1985 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์
เที่ยง/บ่าย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
 
นำท่านเดินทางสู่ หุบเขาพาซาแบค (Pasabag Valley) หรือหุบเขาพระ (Monks Valley) เป็นหินทรงสูงใหญ่ที่มีรูปร่างคล้ายเห็ดสามหัว รูปร่าง แปลกตา
 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขานกพิราบ (Pigeon Valley) เป็นหน้าผาที่ชาวเมืองโบราณได้ขุดเจาะเป็นรู เพื่อให้นกพิราบเข้าไปทำรัง อาศัยอยู่ เนื่องจากสมัยก่อนชาวเมืองใช้นกพิราบมีหน้าที่เป็นผู้ส่งสารสำคัญในแถบละแวกนั้น และยังเป็นสัตว์เลี้ยงอีกด้วย
 
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หุบเขาอุชิซาร์ (Uchisar Valley)ให้ท่านได้ถ่ายภาพด้านหน้า เป็นหุบเขาคล้ายจอมปลวกขนาดใหญ่ ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ซึ่งหุบเขาแห่งนี้มีรูพรุน มีรอยเจาะ รอยขุด อันเกิดจากฝีมือมนุษย์ไปเกือบทั่วทั้งภูเขา เพื่อเอาไว้เป็นที่อยู่อาศัย อุชิซาร์ คือ บริเวณที่สูงที่สุดของ บริเวณโดยรอบ ดังนั้นในอดีตอุชิซาร์ มีไว้ทำหน้าที่เป็นป้อมปราการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเอาไว้สอดส่องข้าศึกยามมีภัยอีกด้วย
 
จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าเยี่ยมชม โรงงานทอพรม (Carpet Factory), โรงงานเซรามิก (Ceramic Factory) และโรงงานเครื่องประดับ (Jewelry Factory) เพื่อให้ท่านได้ชมการสาธิตกรรมวิธีการผลิตสินค้าพื้นเมืองทีมีคุณภาพและชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก อิสระให้ท่านได้เลือกซื้อ สินค้า
เย็น/ค่ำ
ค่ำ บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารท้องถิ่น
 
นำท่านเดินทางสู่ สนามบินไกเซรีประเทศตุรกี
 
20.15 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกีโดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK2021
 
21.50 เดินทางถึง สนามบินอิสตันบูล ประเทศตุรกีเพื่อรอต่อเครื่อง

เช้า
01.55 นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย โดยสายการบิน Turkish Airlines เที่ยวบินที่ TK068 (บริการอาหารและเครื่องดื่มบน เครื่อง)
 
15.00 เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ
เงื่อนไขโปรแกรมทัวร์
หมายเหตุ
1. กรุณาทำการจองล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 30 วัน พร้อมชำระเงินมัดจำ ท่านละ 20,000 บาท/ท่าน และชำระส่วนที่เหลือ 21 วัน ก่อนการ เดินทาง กรณีวันเดินทางน้อยกว่า 21 วัน ต้องชำระค่าทัวร์เต็มจำนวน 100% เท่านั้น
2. อัตราค่าบริการนี้ จำเป็นต้องมีผู้เดินทาง จำนวน 20 ท่าน ขึ้นไป ในแต่ละคณะ กรณีที่มีผู้เดินทางไม่ถึงตามจำนวนที่กำหนด ทางบริษัทฯ ขอสงวน สิทธิ์ในการเลื่อนการเดินทาง หรือเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการ (ปรับราคาเพิ่มขึ้น เพื่อให้คณะได้ออกเดินทาง ตามความต้องการ)
3. ท่านที่ต้องออกบัตรโดยสารภายในประเทศ (ตั๋วเครื่องบิน, รถทัวร์, รถไฟ) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ทุกครั้งก่อนทำการออกบัตรโดยสาร เนื่องจาก สายการบินอาจมีการปรับเปลี่ยนไฟลท์หรือ เวลาบิน โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า และการแนะนำจากเจ้าหน้าที่เป็นเพียงการแนะนำเท่านั้น


Interesting services from Expressinter

Newsletter Sign up

Subscribe to Get Special Offers

Don't worry your information is safe with us.